ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันหลายล้านคนจาก 15 รัฐ และ 1 ดินแดนของสหรัฐฯ ได้แก่ รัฐแอละแบมา อะแลสกา อาร์คันซอร์ โคโลราโด แมสซาชูเซตส์ มินนิโซตา นอร์ทแคโรไลนา โอคลาโฮมา เทนเนสซี ยูทาห์ เวอร์มอนต์ เวอร์จิเนีย เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย และเมน รวมถึงในเขตการปกครองอเมริกันซามัวของสหรัฐฯ ได้ออกเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งขั้นต้นในเขตพื้นที่ของตัวเองเมื่อวานนี้ ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 5 มีนาคม หรือที่เรียกว่า ศึกซูเปอร์ ทิวส์เดย์
ศาลฎีกาสหรัฐฯ ชี้ขาด ทุกรัฐไม่มีสิทธิแบน “ทรัมป์” จากการลงเลือกตั้ง
สส. เรียกร้อง "ไบเดน" เปิดข้อมูล ภัยความมั่นคง
“ทรัมป์” ลั่น หากได้เป็นปธน.จะยกเลิกข้อจำกัดอาวุธปืนทั้งหมดของ “ไบเดน”
ซึ่งเป็นวันที่พรรคใหญ่อย่างพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครต จัดการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งใหญ่ในหลายรัฐภายในวันเดียว ซูเปอร์ ทิวส์เดย์ จึงเป็นวันที่สำคัญมากในปฏิทินการเมือง เพราะหากใครได้รับชัยชนะ ก็จะมีโอกาสเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งทั่วไป
นี่คือบรรยากาศการลงคะแนนของพรรครีพับลิกันในรัฐมินนิโซตาที่เป็นไปอย่างคึกคักสำหรับรีพับลิกัน มีผู้แข่งขัน 2 คนคือ โดนัลด์ ทรัมป์ และนิกกี เฮลีย์ ส่วนฝั่งพรรคเดโมแครตคาดว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย แม้ว่าจะมีผู้ประท้วงบางส่วนในรัฐมินนิโซตา ออกมาเดินขบวนต่อต้านนโยบายเกี่ยวกับอิสราเอล
ขณะที่บรรยากาศที่คูหาเลือกตั้งในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ผู้คนทยอยออกมาลงคะแนนเสียงอย่างต่อเนื่อง ส่วนในรัฐเท็กซัส ที่เมืองฮูสตัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้เดินทางไปลงคะแนนเสียงกันอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
โดยรัฐเท็กซัสเป็นรัฐที่เผชิญกับปัญหาผู้อพยพหนีข้ามชายแดนเข้ามาเป็นจำนวนมาก และเป็นปัญหาหลักที่พวกเขาต้องการให้รัฐบาลกลางแก้ไข สำหรับทรัมป์ ถือว่าได้เปรียบในรัฐนี้ เนื่องจากเขาถือเป็นคนที่มีแนวคิดต่อต้านผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายแบบชัดเจน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐเท็กซัสระบุว่า จะลงคะแนนเสียงให้ใครก็ตามที่บอกว่า จะสั่งปิดชายแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโก แต่บางคนบอกว่า กังวลที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง
ส่วนในรัฐเทนเนสซี มีทั้งคนที่ลงคะแนนเสียง ให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ และนิกกี เฮลีย์ บางคนที่เลือกนิกกี เฮลีย์ ระบุว่า การลงคะแนนเสียงของเขาให้กับนิกกี เฮลีย์ ถือเป็นการส่งเสียงต่อต้านทรัมป์ แต่เมื่อถูกถามว่า เขาจะลงคะแนนเสียงให้ใครในการเลือกตั้งทั่วไป หากทรัมป์เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกัน เขาระบุว่า เขาจะหันไปหาพรรคเดโมแครต และโหวตให้กับไบเดน
ขณะที่การเลือกตั้งทั่วไปในรัฐโคโลราโดก็คึกคักเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ในรัฐโคโลราโดมีการถอดชื่อทรัมป์ ออกจากผู้มีสิทธิลงเลือกตั้งขั้นต้น เพราะเขาถูกฟ้องในคดียุยงให้ผู้สนับสนุนก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภา เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ซึ่งเป็นการก่อกบฏต่อประเทศรูปแบบหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลสูงสุดได้ตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า รัฐโคโลราโด ไม่สามารถสั่งห้าม โดนัลด์ ทรัมป์ ในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ โดยศาลให้ความเห็นว่า รัฐต่างๆ อาจตัดสิทธิบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง หรือพยายามดำรงตำแหน่งของรัฐบาลท้องถิ่นได้ แต่รัฐต่างๆ ไม่มีอำนาจตัดสิทธิบุคคลที่พยายามดำรงตำแหน่งในรัฐบาลกลางได้ โดยอาศัยความตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งในรัฐบาลกลาง
ส่วนรัฐนอร์ทแคโรไลนา ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ทยอยเข้าไปใช้สิทธิ จอช สไตน์ ผู้สมัครผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนาจากพรรคเดโมแครต และอัยการสูงสุดของรัฐ ได้ออกมาพูดคุยเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีการรณรงค์หาเสียงอย่างดุเดือดแบบ door-to-door
โดยรัฐนอร์ทแคโรไลนา ถือเป็นรัฐสวิงสเตทที่สำคัญ และเป็นรัฐที่สามารถตัดสินการเลือกตั้งทั่วไปได้ เพราะผู้ที่คว้าชัยชนะในรัฐนี้ได้ มีโอกาสสูงมากที่จะได้เป็นประธานาธิบดี ดังนั้นสมรภูมินี้จึงมีความสำคัญสำหรับไบเดนอย่างมาก โดยการเลือกตั้งปี 2020 ทรัมป์ได้รับชัยชนะเหนือไบเดนได้อย่างหวุดหวิดเพียงแค่ร้อยละ 1 เท่านั้น
ล่าสุดผลการเลือกตั้งขั้นต้นในศึกซูเปอร์ ทิวส์เดย์ออกมาแล้ว โดยฝั่งพรรคเดโมแครต โจ ไบเดน คว้าชัยชนะไปได้ในเกือบทุกสนาม และพ่ายแพ้ในสนามเล็กๆ อย่างเขตการปกครองอเมริกันซามัว
ขณะที่ฝั่งของพรรครีพับลิกัน พบว่า นิกกี เฮลีย์ คว้าชัยชนะได้ในรัฐเวอร์มอนต์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีท่าที่ที่เป็นกลาง แต่อีก 14 รัฐ และ 1 ดินแดนที่เหลือ ทรัมป์ได้กวาดชัยชนะไปอย่างขาดลอย
หลังจากได้รับชัยชนะ ทรัมป์ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยขอบคุณผู้สนับสนุน และย้ำว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
ผลการเลือกตั้งขั้นต้นในซูเปอร์ ทิวส์เดย์ชี้ว่า นิกกี เฮลีย์ไม่สามารถสกัด โดนัลด์ ทรัมป์ในการเข้าสู่เส้นชัยเพื่อเป็นตัวแทนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับริกันได้ และตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ โจ ไบเดน เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถขัดขวางการกลับสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ได้ ผลซูเปอร์ ทิวส์เดย์ ที่ไบเดนและทรัมป์กวาดชัยชนะไปได้เกือบทั้งหมด ก็เป็นการส่งสัญญาณที่แสดงให้มีโอกาสสูงที่ ไบเดน และทรัมป์ จะเข้าสู่การศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งใหญ่เดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
คาด “ไบเดน-ทรัมป์” เตรียมรีแมตช์ชิงปธน. สหรัฐ
หลังจากเลือกตั้งขั้นต้นทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นลง พิธีกรรมทางการเมืองลำดับถัดไปคือ ผู้แทนจากรัฐที่ได้รับเลือกเหล่านี้ จะต้องไปเข้าร่วมประชุมใหญ่ของพรรค ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้ เพื่อไปยกมือเลือกบุคคลของพรรคที่เสนอตัวเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ในส่วนของการเป็นตัวแทนเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกัน ทรัมป์ต้องได้เสียงสนับสนุนจากตัวแทน 1,215 ราย จึงจะได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกัน
ส่วนฝั่งเดโมแครต ไบเดน ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากตัวแทนพรรคถึง 1,968 ราย จึงจะได้รับการเสนอชื่อจากพรรคในการลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งในส่วนของไบเดนไม่ได้เผชิญกับการแข่งขันที่สำคัญใดๆ และกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการสู้ศึกเลือกตั้งกับทรัมป์
หากไบเดน และทรัมป์ ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนพรรคในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะถือเป็นการรีแมตช์คู่ชิงประธานาธิบดีปี 2020 และจะเป็นโอกาสในการแก้มือของทรัมป์ ที่พ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งก่อนหน้านี้
ในส่วนของทรัมป์ยังคงมีฐานเสียงจำนวนมากที่ยังคงจงรักภักดี และพร้อมสนับสนุนให้กลับทำเนียบขาวอีกครั้ง แม้เขาจะเผชิญกับมรสุมคดีความจำนวนมาก แต่ถ้าไบเดนชนะก็จะได้นั่งทำเนียบขาวอีก 4 ปี และจะทำให้เขามีอายุ 86 ปี ขณะที่เสร็จสิ้นการดำรงตำแหน่งในวาระที่สอง
บทวิเคราะห์ซีเอ็นเอ็นชี้ว่า ผลลัพธ์ล่าสุดพบว่า ไบเดน และทรัมป์ กำลังมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน และในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ อาจทำให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองระดับชาติที่ลึกลงไปอีก
ขณะที่ไบเดนแถลงชัยชนะในซูเปอร์ ทิวส์เดย์ โดยย้ำว่า ผลการเลือกตั้งขั้นต้นเมื่อวานนี้ ทำให้ชาวอเมริกันมีทางเลือกที่ชัดเจน และตอนนี้อยู่ที่ว่า จะเดินหน้าต่อไปกับหรือจะยอมแพ้ให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ลากชาวอเมริกันถอยหลังเข้าสู่ความวุ่นวายและการแบ่งแยก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้ ชาวโคโลราโดรู้สึกผิดหวังอย่างมากที่ตัวเลือกมีแค่ทรัมป์และไบเดน เช่นเดียวกับผู้คนในรัฐเท็กซัส บางคนได้แสดงความรู้สึกผิดหวังที่ตัวเลือกในการเลือกตั้งมีแค่คนสูงอายุสองคนนี้ ทั้งนี้จริงๆ แล้วก็มีอีกหลายคนที่สามารถทำงานได้ดีกว่า
และล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักข่าว บีบีซีรายงานว่า นิกกี เฮลีย์ คู่แข่งของโดนัลด์ ทรัมป์เพียงคนเดียว เตรียมจะประกาศถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันแล้ว โดยคาดว่าจะเป็นช่วงเช้าของวันพุธ ตามเวลาของสหรัฐฯ
หลังจากที่ผลการเลือกตั้งขั้นต้นของซูเปอร์ ทิวส์เดย์ใน 15 รัฐ และ 1 ดินแดนของสหรัฐฯ ชี้ชัดว่า เธอพ่ายแพ้ให้กับโดนัลด์ ทรัมป์แบบขาดลอย โดยที่นิกกี เฮลีย์ ชนะที่รัฐเวอร์มอนต์เพียงรัฐเดียวเท่านั้น นี่ทำให้ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากฝั่งรีพับลิกัน ที่จะเข้าไปให้ที่ประชุมพรรคลงมติรับรอง คือ โดนัลด์ ทรัมป์
ดังนั้น ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องแข่งขันกับโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งเดิมจากการเลือกตั้งปี 2020 ในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในช่วงปลายปีนี้
ร้อนตับแตก! 5-6 มี.ค.นี้ ดัชนีความร้อน พุ่งสูงทะลุ 48-51 องศา
iOS 17.4 เปิดอัปเดตแล้ว มาพร้อมอิโมจิ-ฟีเจอร์ใหม่เพียบ! คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
แฉลากไส้! แก๊งกะเทยฟิลิปปินส์ มี “แม่แท็ค” คุมซอยสุขุมวิท 11